[fanfic-9Satra] ชามะตูมมั้ยจ๊ะ

ได้รับแรงขับเคลื่อนฟิคนี้จากFA ของคุณหวานเลยค่ะ♥ @crescent_sweet

น่าจะ #อ๊อดแบกทมิฬ นะ เพราะท่าทางพี่ทมิฬไม่น่าจะพลิกมาเป็น #ทมิฬติดอ๊อด ได้ 55555

 

———————————————————————————-

อดทนไว้บาก! จะให้เด็กนี่มันรู้ไม่ได้!

 

…พรานทมิฬที่ผ่านศึกสงคราม การลอบฆ่า และทนกับการทรมานมานักต่อนักจะทนไม่ได้กับ

แค่ไอ้เด็กนี่เชียวเหรอ!

 

เผ่าทมิฬคนสุดท้ายที่กำลังนอนห่อตัวอยู่ตรงมุมห้อง ไม่ยอมลุกไปไหนหรือกินอะไรมาวันสองวันแล้ว

อ๊อดที่เป็นห่วงกลัวว่าเพื่อนร่วมเกาะเพียงคนเดียวนี้จะป่วยหนักแล้วจะเข้าป่าไปหาที่ปลีกวิเวกตายเงียบๆ ก็เลยรั้งไว้ให้อยู่ด้วยกันก่อน เพื่อดูแลจนกว่าจะหายดี

เขาไม่อยากอยู่แบกรับความทรงจำอันเลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมาด้วยตัวคนเดียวอีกแล้ว…

การมีพี่บากมาอยู่ด้วยกัน ทำให้เขาได้รู้ว่าการเยียวยาจิตใจกับคนที่มีประสบการณ์เดียวกันมันทำได้จริงๆ

 

“ข้าว่าพี่ต้องเปลี่ยนผ้าห่มบ้างแล้วนะจ๊ะ อากาศก็ร้อน ผ้าห่มคงชื้นเหงื่อหมดแล้ว”

อ๊อดพยายามหาเรื่องให้ทมิฬได้ขยับตัวบ้าง หรือจริงๆคือเขาจะได้เห็นทมิฬบ้างซักนิดว่าอาการยังพอทรงอยู่หรือไม่

 

“…..”

คนในก้อนผ้าห่มยังคงเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

 

…ไปเถอะอ๊อด..อย่าสนใจข้าเลย…ความร้อนจากกายเจ้ามันเหมือนจะเรียกหาข้าเกินไป….

 

“ให้ข้าเอาไปซักหน่อยละกันนะจ๊ะ พี่ใช้ผืนใหม่ไปได้เลย”

“……”

 

….เจ้าเด็กดื้อด้าน…กลิ่นไอแดดกับกลิ่นไอ้อ๊อดมันเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว..….

 

ความเงียบจากอีกฝ่ายทำให้อ๊อดทำอะไรไม่ถูก

…ปกติพี่บากไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ถึงจะพูดน้อยแต่ถ้าข้าพูดอะไรด้วยเขาก็จะสนใจฟัง

เข้าใจหรือไม่เข้าใจก็พยายามคิดที่จะตอบ แล้วก็ไม่เคยละสายตาจากข้าโดยไม่จำเป็น

 

เมื่อเห็นคนเก็บตัวนอนนิ่งไป อ๊อดก็เลยถือวิสาสะพยายามแอบดึงผ้าออกจากตัวบาก

“อ๊อด…ปล่อยข้าไว้เถอะ..” เสียงแหบพร่าพูดขึ้นมาเบาๆ

 

“ตะ แต่ว่า”  อ๊อดพยายามจะดึงผ้าห่มออกให้ได้

…หยุดดึงซิวะ… ผ้าผ่อนมันสีจนโดนเนื้อตัวให้เสียวแปลบไปหมดแล้ว ทุกอย่างมันชื้นเหงื่อจนรู้สึกชัดไปหมด…

อ๊อดยังพยายามดึง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายแค่ดื้อแพ่งเท่านั้น

อะ…ปัทโธ่เว้ย…..

 

“อุวะ! เจ้าเด็กนี่ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่เป็นอะไร ปล่อยข้าไว้เถอะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

บากดึงผ้าห่มครึ่งบนออกด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันให้อ๊อดดูว่าเขาสบายดีไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร

แค่หายใจหอบ ตัวชื้นเหงื่อจากความไม่สบายตัว สายตาดูเชื่อมจากการพยายามสกัดกั้นอารมณ์

 

…ไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมข้าต้องออกมาเจอมันต่อหน้าในสภาพแบบนี้เนี่ย…ข้าควรจะเก็บตัวอยู่ในผ้าห่มนั่นจนผ่านสัปดาห์บรรลัยนี่ไปได้อย่างราบรื่น แต่เจ้าเด็กนี่มันก็ช่างตื้อจนน่ารำคาญ รึข้าควรจะบอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ข้านัก เพราะทั้งกลิ่นกายเจ้า มืออันใหญ่กร้านนั่น ผิวตรงต้นขาที่ชายผ้าถกเขมรแถบจะปิดไม่มิด ข้าอยากจะเข้าไป…

 

“เอ๊ะ แต่ตัวพี่ดูแดงขึ้นเยอะเลยนะจ๊ะ ปกติเห็นเป็นสีม่วงซีดๆ หรือไข้ขึ้นรึเปล่า”

ไม่พูดเปล่า อ๊อดเอามือไปแตะตรงช่วงท้องของทมิฬแล้วลูบวนช้าๆ

 

!!!!!!!!!!!!!!——

คนผิวม่วงตกใจจนสะดุ้ง ด้วยการแตะตัวเพียงนิดเดียวจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ทำให้เขาตัวเกร็งสะท้านไปทั้งกาย ความรู้สึกเสียวซ่านปนความพึงพอใจมันพุ่งไปรวมที่จุดๆเดียวกัน ผ้าห่มที่คลุมอยู่ตรงหว่างขาของบากค่อยๆนูนขึ้นมาและความเปียกชื้นก็ซึมขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

…#+%’*8#$=&’*;&%~#฿;$฿\&€฿!!!

….บรรลัยละ…

 

….

….

……

 

ผ้าห่มผืนใหม่ถูกนำมาใช้ และคนที่กำลังคุกกรุ่นไปด้วยอารมณ์ก็เข้าไปม้วนตัวเหมือนเดิม

อ๊อดสะบัดผ้าผืนเก่าท่ามกลางแดดอยู่ข้างนอก

 

เอี๊ยด….ตึก…ตึกๆ..ๆ

เสียงฝีเท้าอ๊อดเดินขึ้นเรือนมาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา… หยุดลงตรงหน้ามือสีม่วงที่แลบออกมาจากผ้าห่ม

อ๊อดทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มือท้าวลงบนผ้าห่มที่มีบากอยู่ด้านใน เล่นเอาคนนอนขดข้างในหดขาหนีแล้วกระชับผ้าให้แน่นขึ้น

 

..มันจะมานั่งใกล้ๆทำไมกันเนี่ย…ก็บอกไปแล้วนะว่ากลิ่นกายมันทำให้อดทนยาก

ไหนจะอุณหภูมิอุ่นๆที่วางมือลงมานั่นอีก…

 

คนตาใสไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวก็พยายามคิดหาทาง ว่าทำยังไงจะให้พี่ชายคนนี้ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไป

 

“พี่บาก…เอาชามะตูมลดกำหนัดมั้ยจ๊ะ”

 

“…….”      …ไอ้อ๊อด…..

 

“ไม่ก็ไปบวชชีพราหม์ซัก3วัน7วัน…”

อ๊อดพยายามนึกวิถีทางที่พ่อพันธ์เคยสอนไว้ หรือไม่ก็ที่ชาวบ้านเคยบอกๆกันมา

 

“……ที”

 

“จ๊ะ..อะไรนะพี่”

 

“ไป..เปลี่ยนผ้านุ่งถกเขมรของเอ็งที…”

 

———————————

 

….เวลาผ่านไป… อ๊อดที่เข้าใจแล้วว่าบากไม่ได้ป่วย แต่แค่อยู่ในช่วงเวลาละเอียดอ่อน

ช่วงเวลาที่ไวต่อการสัมผัส ทั้งกลิ่นกาย…อุณหภูมิ…และทุกสิ่งที่ยั่วยุต่อสายตาเขา

 

“ข้าว่าพี่ดูแย่มากเลยนะจ๊ะ นี่ก็หมกตัวมาสี่วันแล้ว ยังไม่ดีขึ้นเลย”

อ๊อดวางตะเกียงไว้ข้างๆตรงมุมห้อง ให้สว่างพอที่จะเห็นอะไร แต่ก็ไม่ไกล้เกินที่บากอาจจะมาโดน
“ข้าว่ามันต้องมีวิธีอื่นช่วยพี่ได้บ้างนะ”

 

การนอนอยู่นิ่งๆเฉยๆ โดยห้ามโดนอะไร หรือมีอะไรมากระตุ้นทั้งสิ้นมาสี่วัน ก็เริ่มทำให้ทมิฬหมดความอดทนเหมือนกัน มันอาจจะมีวิธีดีๆอะไรบางอย่างที่ชาวทมิฬอย่างเขาคิดไม่ถึง แต่มนุษย์อย่างอ๊อดที่โตมาโดยห้อมล้อมจากผู้คนมากมาย อาจจะพอช่วยเขาได้บ้างก็ได้


พรานทมิฬลดผ้าห่มลงมาพอที่จะเหลือบมองมาเห็นอ๊อด

“ยังไง….”

 

 

อ๊อดเห็นคนในผ้าห่มยอมออกมาสูดอากาศบ้างก็ยิ้มใส่อย่างสดใส เขาสังเกตุว่าสายตาของบากมีน้ำรินๆ ดูเชื่อม..และแดงขึ้นกว่าเดิมมาก ดูเหมือนจะสงวนท่าทีแต่ก็ดูเหมือนเชิญชวน…


“ข้าคิดง่ายๆว่าถ้ามันอึดอัดนักก็เอาออกมาบ้างก็น่าจะดีขึ้น”
ไม่พูดเปล่าและไม่รออีกฝ่ายอนุญาตอะไร อ๊อดเลิกผ้าห่มจากทางขาทมิฬขึ้นมา
มือกร้านหนาค่อยๆลูบขึ้นมาจากข้อเท้าของคนที่นอนขดอยู่
ร่างกายที่ไวต่อทุกสัมผัสอยู่แล้วสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที…
“ดะ เดี๋ยว อะ อ๊อด เจ้าไม่ต้อง—-”

 

แค่กลิ่นอ๊อดที่ลอยไปมาในอากาศก็จะทำให้คลั่งอยู่แล้ว นี่ดันมาแตะตัวกันตรงๆ

แล้วยังไอ้การค่อยๆลูบขึ้นมาจากข้อเท้านี่อีก นี่มันอะไรกัน

บากเอามือมาปิดปากไว้

 

“อะ–”  …ถ้าเผลอพูดอะไรไป เสียงแปลกๆมันต้องออกไปแน่เลย…

บากพยายามอดทนจนตัวสั่น แต่มือร้อนของอ๊อดก็ไม่ได้หยุดตามแรงขืนอันน้อยนิดนั่นเลย

 

“อ๊าาาา พอ!!”

บากสบัดผ้าห่มออกแล้วยืนขึ้นพร้อมกับผ้านุ่งที่ค่อนข้างหลุดลุ่ย

“ขะ..ข้า..จะออกไปข้างนอก…อยู่ในป่าโดยไม่มีเจ้า เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น” บากพูดกับอ๊อดด้วยสีหน้าชื้นเหงื่อและแดงระเรื่อ เสียงหายใจหอบและแหบพร่าตอนพูด กับสีผิวและลายบนตัวที่ต้องแสงเงาตะเกียงทำเอาอ๊อดละสายตาไม่ได้

บากก้าวไปทางประตูช้าๆ เพราะอาการติดสัดในตอนนี้ทำเอาเรี่ยวแรงหายไปเกือบหมด แถมที่เอาผ้าห่มออกไปก็ยิ่งทำให้กลิ่นของอ๊อดตีเข้ามาชัดขึ้นเท่านั้น

 

“เดี๋ยวซิจ๊ะพี่บาก”

อ๊อดจับไหล่ของบากไว้ แล้วมืออีกข้างก็โอบเอวไว้รอบจากด้านหลัง

“ฮะ—”     โอยยย…ไม่รู้จะพูดยังไงกับมันแล้ว….พอ…

 

คนร่างผอมทิ้งน้ำหนักไปหาคนที่มารั้งไว้เพราะไม่มีแรงจะต่อล้อต่อเถียงแล้ว

อ๊อดกึ่งยกกึ่งลากบากที่ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วให้มานั่งพิงกับตัวเองไว้

 

“ให้ข้าช่วยพี่เถอะนะจ๊ะพี่บาก” 

อ๊อดพูดเบาๆอยู่ข้างหูจากด้านหลัง ทำเอาคนฟังรู้สึกมวนท้องน้อย แล้วเสียบแปลบไปทั้งอุ้งเชิงกราน

ทมิฬที่หมดทั้งแรงกายและแรงใจจะขัดขืนได้แต่ทิ้งน้ำหนักหัวพิงไปตามไหล่ของอ๊อด

เขาได้ยินเสียงหัวใจอ๊อดที่เต้นเป็นจังหวะ…ที่เร็วขึ้น 

มือใหญ่หนากำลังพยายามทำอะไรซักอย่างกับผ้านุ่งของเขา ซึ่งเขาไม่อยากจะรับรู้อะไรแล้ว

 

บากพยายามอดทนจนตัวสั่นเกร็งกระตุก ผิวกายร้อนที่นาบโดนกันด้านหลังกับกลิ่นของอ๊อดมันทำให้ทุกส่วนในการรับรู้มันเบลอและมัวเมาไปหมดจนดูเหนือจริง

“พี่บากเป็นอะไรไปจ๊ะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า ดูพี่ต้องทนมากเลย”

…ต้องอดทนกะมึงนี่แหละอ๊อด…

ภาพที่เห็นเริ่มพร่าเลือน ทั้งประสาทสัมผัสและน้ำตา แต่ทุกสัมผัสของอ๊อดมันชัดเจนจนเหมือนตรึงเขาไว้

 

บากได้แต่ใช้นัยน์ตาเหลืองทองพื้นดำมองอ๊อดกลับไปแทนคำตอบ

“ข้าเพิ่งรู้ว่าลายบนตัวพี่มันมีทุกจุดขนาดนี้”

…เออ จะพูดอะไร เจ้าก็พูดไปเลย…

อ๊อดเพ่งมองลายบนตัวทมิฬที่อยู่ใต้ร่มผ้า เป็นที่ๆตัวเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก มือใหญ่กอบกุมส่วนร้อนแข็งของทมิฬไว้และพยายามปลดปล่อยมันออกมา

 

บากพยายามกลั้นเสียงไว้. …อา…อยากจะด่าไอ้เด็กนี่เหลือเกิน….

เขาทำหน้านิ่ว หลับตาปี๋ แต่ลมหายใจหอบถี่ขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ… เล็บมือยาวสีม่วงเข้มจิกกำเข้ากับมัดต้นแขนของอ๊อดอย่างบิดเกร็ง

 

อา…นี่เพิ่งวันที่สี่… เหลืออีกตั้งสามวัน…

 

5 thoughts on “[fanfic-9Satra] ชามะตูมมั้ยจ๊ะ

    1. มีฟิคภาคต่อที่เป็นมุมมองจากทางฝั่งอ๊อดมาด้วยนะ//เป็นอีกคนนึงแต่ง

      Liked by 1 person

ใส่ความเห็น