[RE-VIEW]ความรู้สึกหลังดู Wolf (2013)

**ยังอยู่กับการตามรอยหนังคุณมาร์วานค่ะ**

o.k….I’m not o.k. now. #Wolf2013 ; _________ ;

จบแว้ว… ; w ; คือ…คนเนเธอร์แลนด์ที่ดูออกแขกๆทั้งหลายเค้ามีปัญหาครอบครัวกันเยอะรึเปล่าคะ คือนี่เป็นเรื่องที่สองของพี่มาร์วานที่ดูแล้วพูดเรื่องปัญหาเดียวกัน คือพ่อกับลูกชายจะมีปัญหาที่ไม่ลงรอยกันในเรื่องของพฤติกรรมและความคิด แล้วมันเกิดขึ้นในครอบครัวที่ดูมีพื้นพอๆกัน

ดูเหมือนกับมันเป็นโมเดลพื้นฐานที่มีอยู่เยอะในประเทศเค้า เลยมีหนังที่หยิบมาพูดบ่อยๆ นี่เดาว่าจริงๆคนหาเลี้ยงครอบครัวตอนแรกคงเป็นพี่ชายที่ป่วยอ่ะ พอเค้าป่วยคนหาเลี้ยงถัดมาเลยมาเป็นคนรอง แต่คนรองนี่เหมือนยังไม่ได้มีรายได้ขนาดนั้น เคยแต่หาเลี้ยงตัวเองความรับผิดชอบอะไรมันคงยังไม่มา

ปมอีกอันที่สำคัญคือพี่ชาย การที่ไม่มีฉากที่คนในครอบครัวมาเยี่ยมเค้าเลยแต่เรากลับรู้ว่า ไม่ใช่ว่าไม่มีคนมา แต่เขาจะมาคนละเวลากับMajid เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างพ่อลูก คือขนาดไม่เจอกันซักฉากยังรู้สึกได้ว่าพ่อรักพี่ชายมากกว่า แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับความรักของMajidที่มีต่อพี่เลย

ถ้าเล่ารวมๆมันคือชีวิตของคนๆนึงที่ไม่มีอะไรเลยเพราะการปฏิเสธของพ่อ ไม่มีความรู้ ไม่มีความอยาก ไม่มีเป้าหมาย และดันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทุกคนก็ยอมรับและเห็นว่าการไม่มีเรื่องพวกนี้คือปกติ คุณไม่เห็นต้องรีบร้อนทำงานทำการให้มันยาก ในเมื่อตกกลางคืนเราก็ออกไปปล้นของมาขายได้เงินในตอนเช้า

นี่ไม่ใช่หนังที่ตัวเอกจะฮึดสู้ขึ้นมาเพราะการอยากถีบตัวเองให้ดีขึ้นหรือพัฒนาขึ้น แต่มันคือหนังของคนที่ไม่มีอะไรจะไปสู้กับเค้าและตัวเองก็ทำได้แต่เรื่องดาร์คๆแต่อยากได้การยอมรับจากคนที่เกลียดความดาร์คนั้นๆ น้องชายคนเล็กอาจจะเป็นคนเดียวที่พอจะเห็นว่าพี่คนนี้ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เขาเลยนำพาความหวังมาให้พี่ชายในตอนท้ายที่สุด มันไม่ได้จบแบบมีความหวังเต็มเปี่ยมและชุ่มชื่นหัวใจ แต่มันจบตอนที่เราเห็นแสงแห่งความเป็นไปได้เล็กๆ แล้วMajidก็ตอบรับมันอย่างเต็มใจ

[RE-VIEW]ความรู้สึกหลังดูThe Angel(2018)

วันนี้เพิ่งดูเรื่องThe Angel ในNetflix จบ คือตอนแรกก็กะตามรอยหนังคุณมาร์วานเฉยๆอ่ะนะ แต่พอดูจบแล้วแบบ…อึน..โหวง… คือเบสออนทรูสตอร์รี่แต่เราก็ไม่คิดว่ามันจะอีโมชันนอลขนาดนี้ ส่วนตัวไม่ค่อยดูหนังสงครามเท่าไหร่ แต่อันนี้บอกเลยว่าเลิฟมากๆ

*ขอเล่าแบบสปอล์ยเลยนะคะ*

ช่วงแรกเนี่ยเราคิดว่ามันคงเป็นหนังฉ้อฉลกันในวงในและก่อฉนวนสงคราม แต่พอดูไปซักพักมันไม่เชิงว่าจะเป็นอย่างนั้น ตัวเอกของเราอาชราฟ มาร์วานเขาเป็นนักการฑูตของอิยิปต์ (มั้งนะ) ที่ตอนแรกเขาเป็นคนตรงมาก มีไฟจะทำให้ประเทศดีขึ้น รักสันติวิธีและพยายามปรามคนที่อยากให้มีสงคราม แต่ด้วยความอายุน้อยกว่าคนอื่นมาก เลยเหมือนไม่มีใครฟังเสียงไม่เคารพแถมยังดูถูกเพราะเป็นแค่ลูกเขยของประธานาธิบดีคนเก่า/พ่อตาก็เกลียดด้วย กลายเป็นว่าหลังจากนั้นเค้ารู้แล้วว่าการสู้กันตรงๆมันไม่ช่วยอะไร แถมไม่ได้ผล เลยเลือกที่จะขายข้อมูลภายในให้อิสราเอล ช่วงแรกเนี่ยเราคิดว่ามันคงเป็นหนังฉ้อฉลกันในวงในและก่อฉนวนสงคราม แต่พอดูไปซักพักมันไม่เชิงว่าจะเป็นอย่างนั้น ตัวเอกของเราอาชราฟ มาร์วานเขาเป็นนักการฑูตของอิยิปต์ (มั้งนะ) ที่ตอนแรกเขาเป็นคนตรงมาก มีไฟจะทำให้ประเทศดีขึ้น รักสันติวิธีและพยายามปรามคนที่อยากให้มีสงคราม

เราดูกันมาซักพัก เราจะคิดว่าผชคนนี่เป็นคนขายชาติคนนึง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น แต่พอตอนสุดท้ายที่เรื่องจะขมวดปมทั้งหมดและคลายมันออก แผนทั่งหมดที่สร้างมา มันเกิดจากการอยากให้คนตระหนักว่าเราควรยุติสงคราม ข่าวลวง การขู่ทั้งหมด มันมีเพื่อจุดประสงค์นี้ สุดท้ายมีการสูญเสียในจำนวนหนึ่ง

อาจจะพูดได้ว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับสงครามใหญ่จริงๆ แต่มันก็คือคนจำนวน17000คนที่ตายลงไป สุดท้ายประธานาธิบดีอียิปต์ได้ประกาศวางมือจากสงครามและได้รางวัลสันติภาพ ซึ่งจริงๆอาชราฟเป็นคนบอกแผนทั้งหมด ว่าเราจะปล่อยข่าวตอนไหน แล้วยังดป็นคนไปขายข่าวเอง ยอมโดนเป็นเป้าเอง

ถึงจะจบด้วยดีอย่างชาญฉลาด แต่สงครามก็คือสงคราม เขามาไกลเกินกว่าที่จะมีอะไรเหมือนเดิม ครอบครัวที่เขาเฝ้าปกป้อง สุดท้ายก็ต้องหันหลังให้กับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วในฉากที่กำลังเปิดจดหมายภรรยานี้ เราเห็นว่าเขากินน้ำผึ้ง เราไม่รู้ว่ามันเป็นของที่คนในชาตินี้กินกันปกติรึเปล่า

แต่ที่เรารู้มาคือคนที่มีภาวะเครียดหรือเป็นโรคอะไรซักอย่างจนไม่สามารถกินได้ เมื่อกินจะอ๊วกทุกอย่างออกมาหมด เขาจะกินน้ำผึ้งทีละน้อย ฉากนี้คือทำเราจุกมาก เพราะขนาดคนวางแผนอย่างเขาก็มีความสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืนได้เช่นกัน ยิ่งเน้นย้ำว่าสงคราม ไม่มีคนที่ชนะจริงๆหรอก

ก็คือเมื่อวานก่อนนอน นอนคิดเรื่องคุณอาชราฟแล้วก็..ร้องไห้ยกใหญ่ ; v ; คือคิดว่าตัวเขาเองคงไม่อะไรขนาดนั้นเพราะดูเขาก็ก็เตรียมใจมาในระดับนึง แต่มองจากสายตาคนนอกอย่างเรามันเห็นทุกอย่างที่เขาทุ่มเท แล้วถ้ายิ่งเขาไม่ได้ทำอะไรเลวมากกว่าในหนัง มันแอบเศร้าใจในธรรมชาติที่มันจะเป็นไปมาก มันไม่ผิดที่ภรรยาเขาจะไม่สามารถร่วมทางไปกับเขาไหวเพราะเธอก็อดทนมาตลอด มันปกติที่เขาอาจจะถูกลอบฆ่าในท้ายที่สุดเพราะสิ่งที่เขาทำ มันเลยยิ่งน่าเศร้าเพราะมันต้องเป็นแบบนั้น เพียงเพราะเขาเสียสละทำเพื่อคนอื่น แอบนึกไปถึงเคสของประเทศเราอย่างสืบ นาคาเสถียร มันไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่มันมีความคล้ายคลึงในเรื่องการเสียสละให้ส่วนรวมและอุดมการณ์ ก็คือเมื่อวานก่อนนอน นอนคิดเรื่องคุณอาชราฟแล้วก็..ร้องไห้ยกใหญ่ ; v ; คือคิดว่าตัวเขาเองคงไม่อะไรขนาดนั้นเพราะดูเขาก็ก็เตรียมใจมาในระดับนึง แต่มองจากสายตาคนนอกอย่างเรามันเห็นทุกอย่างที่เขาทุ่มเท แล้วถ้ายิ่งเขาไม่ได้ทำอะไรเลวมากกว่าในหนัง มันแอบเศร้าใจในธรรมชาติที่มันจะเป็นไปมาก มันไม่ผิดที่ภรรยาเขาจะไม่สามารถร่วมทางไปกับเขาไหวเพราะเธอก็อดทนมาตลอด มันปกติที่เขาอาจจะถูกลอบฆ่าในท้ายที่สุดเพราะสิ่งที่เขาทำ มันเลยยิ่งน่าเศร้าเพราะมันต้องเป็นแบบนั้น เพียงเพราะเขาเสียสละทำเพื่อคนอื่น

[RE-VIEW]ความรู้สึกหลังดู Coco (2017)

tenor

เพิ่งได้ดู งือออออ มาม่าโคโค่ค่ดน่ารักกกก ออกไม่กี่ซีนแต่แย่งซีนทุกคนมากๆๆๆๆๆค่ะ ชอบธีมของหนังนะ ถึงจะไม่สอดคล้องกับความเชื่อในใจแต่ก็ชอบในรูปแบบที่เค้านำเสนอ

ถึงบทมันจะเดาง่ายเพราะวัฒนธรรมกับธีมที่เลือก แต่ตรงที่เค้าตั้งใจจะทำให้มันถึง คนดูก็รับรู้ได้จริงๆ //นี่ปาดน้ำตาไปสองรอบได้

อีกจุดที่ชอบคือ ตลค ญ ทุกตัวมีจุดยืนและมีพลังที่จะพาทุกคนเดินหน้าไปมากๆ งานภาพนี่เปิดมาซีนแรกก็การันตีทุกอย่างแล้วค่ะ ไม่มีอะไรให้พูดถึง55555 ชอบพวกสัตว์ที่นำวิญญาณด้วย สีสันมันแบบเรืองแสงน่ารักกกกก แอบอยากรู้รายละเอียดความสามารถมากกว่านี้เลย

จริงๆจุดที่ไม่ชอบหรือไม่อินมันก็มีนะ แต่ฉากที่เราชอบหรือที่เค้าทำออกมาดีมันกลบความไม่อินได้อยู่ บางทีก็แอบคิดว่าเออ มันคงเป็นมุกแนวแม๊กซิโกล่ะมั้ง

แต่ชอบเรื่องการให้ความสำคัญกับการที่มีใครซักคนนึกถึงเรามากๆเลย เราจะเป็นคนยังไง ลักษณะแบบไหนต่อให้เรารู้ของเราอยู่แล้ว แต่คนที่จะจดจำเราก็คือคนอื่นๆที่เราเจอ ครอบครัวของเรา คนรัก เพื่อน คิดในแง่ซึ้งมันก็ซึ้งจริงๆนะ แต่เราดันมารู้สึกในทางเศร้าๆมากกว่า

[รีวิว] ความรู้สึกหลังดู Black Panther

เพิ่งจะออกจากโรงเมื่อกี้นี้เอง

เอาจริงๆเลยนะ หนังมาเวลเนี่ย เราหวังที่ความสนุกและproductionที่ดี เรื่องบทไม่ได้หวังว่าจะต้องเป็นหนังที่ดีมากๆ (แต่Guardians of the Galaxy ก็ทำได้นะ ดีด้วย บันเทิงด้วย)

เรื่องBlack Pantherนี่ต้องบอกตรงๆว่าถ้าต้องให้คะแนนคงลำบากใจ…

cceldt1yumu1eoasrauu

ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือ คอสตูม กับฉากล้ำๆ อุปกรณ์ล้ำๆ พร๊อบต่างๆ คือทำออกมาแบบขยันมากๆๆๆ คืออยากจะลุกขึ้นปรบมือให้จริงๆ งานมันมีดีเทลมากๆ ชื่นชมทีมพร๊อบทีมคอสตูมจากใจเลยจริงๆ
ผู้หญิงทุกคนในเรื่องก็ดีงามมมมมม โอโคเยนี่อย่างเท่  เจ้าหน้าที่รอสตะมุตะมิ♥ก็นึกว่าบทจะน้อยกว่านี้ ดีใจจจจจจจจ

giphy

อีกอย่างที่ดีคือcharacter design ของตัวละคร ดี ดีแทบทุกตัวเลย มีเอกลักษณ์มี ภูมิหลังให้ต่อยอด
ฝ่าบาทเท่ห์เวอร์ๆๆๆ แล้วErik Killmonger เนี่ย ชอบบบบบบบบบบมากกกกกกก ตั้งแต่ออกฉากแรกเลย
คืองานดีเหลือเกิน ชอบความเท่คูลที่มาตัดกับแว่นกรอบทองมากๆ

b1

หาฉากที่กล้องแพนมาตอนใส่แว่นไม่ได้ แต่ตอนดูในโรงมันแบบเฮ้ยยยยยย คาตัวนี้งานดีอ่าาาาาา ชอบการชอบโยกคอเล็กๆน้อยๆของน้องตลอดเวเลา

omg

 

ส่วนข้อเสีย…

อย่างแรกเลยที่ดูไปซักพัก การเล่าset upที่ค่อนข้างใช้เวลามาก แต่ไม่ได้มีอะไรละเอียด

แต่ก็คิดว่า ผกก. อาจจะอยากปูอะไรบางอย่างให้แก่เรา ก็ดูๆกันไปก่อน

 

ฉากแอคชั่นตัวต่อตัว และฉากสู้มือเปล่า ที่เคยทำไว้ได้ดีมากๆใน Cap2 ไม่มีการเอามาใช้ในBlack panther เลย คือมันคงคนละทีมแบบไม่มีคนเดิมอยู่เลยหรือไงไม่รู้

แถมมีฉากต่อสู้อันนึงที่ฉากจะเหมือนกับโรงเตี๊ยมจีน ซึ่งหลายครั้งตากล้องไม่ทันการแสดง การต่อสู้เลยดูไม่มีมูฟเม้น มันดูเหมือนกล้องตามถ่ายเท่านั้น มันแสดงความเก่งของทีชัลล่าไม่ได้เลย

คือฉากพวกนี้หนังจีนหนังฮ่องกงทำไว้เยอะมากๆๆๆๆ เพราะฉะนั้น reference มันเยอะแบบไม่ต้องหา แต่ก็ถ่ายแบบไม่adaptอะไรเลยและแย่กว่า

ki9yqzpj6mfoaxae8rwh

เทคโนโลยีที่น้องสาวเป็นคนคิดค้น ออกแบบและทำมันขึ้นมา แต่ไม่มีฉากไหนที่แสดงความเก่งในฐานะนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์อย่างจริงจัง จะมีก็แค่ สาธิตการใช้งานนั่นนี่โน่นเท่านั้น

อย่างตอนเราดูไออนแมน เราสัมผัสกันได้จริงๆนะ ว่าโทนี่ฉลาดมากๆ มีรายละเอียดหลายๆอย่างที่ทำให้มันดูเป็นเหตุเป็นผล คนจึงหลงรักคาแรคเตอร์นี้กันมากเพราะมันกลมและสมจริง

ทั้งๆที่set up เยอะและนาน แต่กลับไม่ใส่พวกฉากกิมมิคพวกนี้เข้าไป

gm0yzdomfqseijpevfsv

และจุดใหญ่ๆที่รู้สึกได้ทันทีที่ดูจบคือ คนตัดต่อเค้าโดน ผกก. หรือใครสั่งอยู่ข้างหลังหรือ?

เป็นการตัดแบบเรียงเรื่องราวเท่านั้นเอง แต่ไม่มีตรงจุดที่จะทำให้มันสนุกในแบบสไตล์หนังที่มันควรจะเป็นเลย หนังมาเวลมันควรจะสนุกนะ ต่อให้บทมันจะยังไงไปบ้างในบางเรื่อง แต่สุดท้ายแล้วมันจะมอบความบันเทิงให้

อย่างตอนThor2 เรารู้สึกว่าโปรดักชั่นลวกมาก เพราะมีหลายครั้งที่จะเห็นตัวประกอบที่ไม่ควรอยู่ในฉาก ตัวอย่างเช่น ฉากกำลังหนีตายอลหม่าน แต่ตรงกลางเฟรมด้านหลังมีตัวร้ายสองตัวกับชาวบ้านเดินชิวๆ เหมือนพักกองอยู่และคิดว่าตัวเองไม่ติดเฟรม  แต่โดยรวมหนังก็ยังพอมีความสนุกซึ่งมันตอบโจทย์ของหนังมาเวลอยู่

 

แต่กับBlack panther นี่มันไม่ใช่ งานproductionมันดี มันดีกว่ามากๆๆ แต่มันเล่าเรื่องไม่สนุก และจังหวะตัดไม่บ่งบอกอารมณ์

ในฉากดราม่าหลายๆฉาก พึ่งพาแต่การแสดงของนักแสดงอย่างเดียวเลย มุมกล้องและการตัดไม่ส่งใดๆทั้งสิ้น เฟรมมีหน้าที่ถ่ายมาให้ดูเท่านั้น

ไม่เชิงว่าผิดหวัง แต่เสียดายสิ่งดีๆหลายอย่างที่มันมี ซึ่งมันจะดีมากถ้าการตัดช่วยเสริมเนื้อเรื่องมากกว่านี้
สรุปสั้นๆว่าไม่ใช่ว่าหนังแย่หรือไม่ชอบอะไรเลย แต่ทุกอย่างมันพร้อมรอสร้างความสนุก ความบันเทิง ให้คนดู แต่ในขั้นตอนท้ายๆคือการตัดต่อกลับบั่นทอนทุกอย่างที่ทำมาซะงั้น

ก่อนดู #BlackPanther เราดู #9ศาสตรา กับ #ShapeOfWater มา บอกตรงๆว่า 9ศาสตราเล่าเรื่องดีกว่าอีก  ถึงจะเป็นหนังกับอนิเมแต่เรื่อง “การเล่าเรื่อง” นี่มันเทียบกันได้นะ
เพราะอย่างน้อยมันก็อยู่ในฌองแอคชั่นเหมือนกัน
5.5/10

 

[review]ความรู้สึกหลังดูShape of water

The-Shape-of-Water-James-Jean-Poster-Cropped

เรื่องนี้ได้ดูตัวอย่างมาก่อนค่อนข้างนานมากๆ นางเอกก็เป็นคนคุ้นหน้าตาจากhappy go lucky ซะด้วย (Sally Hawkins)

แถมเป็นหนังลุงเดลโตโร่ แน่นอนว่าต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง♥

อย่างแรกเลยที่ประทับใจกับ Shape of water มากๆก็คือ มันคือ “หนังที่ผู้ใหญ่ที่มีความเป็นเด็กทำขึ้น” นี่คือจุดที่เราชอบที่สุด ระหว่างดูไปมันสัมผัสได้ว่ามันมีความรัก ความโอตะ สอดแทรกอยู่ในหนังเรื่องนี้ทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งมันเป็นเสน่ห์(สำหรับเรา)ของลุงเดลโตโร่มากๆๆๆๆ

maxresdefault (1)
น่ารักขนาดนี้ยยยยยยยยยย

ประทับใจในการเซ็ทฉากและpropsในหลายๆซีน ว่าแกทำออกมาได้สวยในแบบที่ตัวละครนั้นๆอยู่อาศัยจริงๆ เพราะมันไม่ได้สวยจนเหมือนภาพวาด แต่มันดูมีชีวิตอยู่ที่นั่น

ชอบความเป็นเหตุเป็นผลแบบเด็กๆ ที่ตอนเราเป็นเด็กเราจะรู้สึกว่ามันจริงมากๆและมันเกิดขึ้นได้แน่นอน อย่างฉากที่นางเอกเอาผ้าขนหนูหลายๆผืนไปอุดรูใต้ประตูเพื่อไม่ให้น้ำออก แล้วเปิดก๊อกให้น้ำเต็มห้อง ถ้าในแง่เหตุผลมันใช่ ที่มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ในเมื่อครั้งที่เรายังเป็นเด็กที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อที่บริสุทธิ์และจินตนาการ เรารู้สึกจริงๆว่าถ้าทำแบบนั้น น้ำจะค่อยๆสูงขึ้นจนเราแตะเพดานได้แน่ๆ และฉากพวกนี้ลุงเดลโตโร่ก็ทำออกมาได้น่ารักและมีสีสัน ลุงทำให้เราเคลิ้มไปกับโลกของลุงมากๆ

ถัดจากpan’s labyrint นี่ก็คงเป็นนิทานอีกเรื่องที่ซื้อเก็บมาวางคู่กัน♥

[รีวิว] 9 ศาสตรา

มาดูเพราะความอยากรู้ล้วนๆ ทั้งๆที่ไม่ชอบอนิเมแอคชั่นนะ

แค่เปิดฉากแรกมา……ฟ้าคคคคคคคคคคคคคคคค งานภาพแม่งงงงงงงงงงง Σ(꒪ȏ꒪)
ไม่ใช่ว่ามันดีเวอร์วังจนเรื่องอื่นๆเทียบไม่ติดนะ แต่คือ…มันเป็นอนิเมชั่นจริงๆ!! จริงๆ!! จริงๆเลย!
นี่ถือว่าเป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกของคนไทยก็ว่าได้!!
เพราะอนิเมไทยที่ผ่านมา มันรู้สึกเหมือนเป็นงานฝึกหัดทำกราฟฟิคหรือ3Dของเด็กปี3-4อ่ะ ประเภทตัวละครยืนกระจุกกันมุมเดียว แล้วปล่อยส่วนอื่นๆและBGว่างเฉยเลย บางที่ไม่มีเงาอะไรงี้

ytd

แต่ #9ศาสตรา นี่มันมาครบ ทั้งมูฟเม้น แอคชั่น sound  //soundนี่ขอชมมากว่าเร้าอารมณ์ได้ดี! มีส่วนกับเนื้อเรื่องมากๆ แทบจะเล่าเรื่องได้เองเลย แต่ก็รู้สึกมีความเป็นไทยน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับเนื้อเรื่อง
ไม่ได้หมายความว่าต้องไทยจ๋าระนาดเอกมาเลย แต่มันน่าจะมีความยูนีค+กิมมิคเข้ามาบ้าง แต่ส่วนที่เร้าอารมณ์คนดีทำได้ดีมาก

เรื่องเสียงพากษ์ที่เห็นมีคนบอกว่าไปดูพูเอิ้งดีกว่า แต่เราว่าทีมพากษ์ไทยก็ทำได้ดีนะ ในพวกฉากแอคชั่น,ดราม่า นี่พากษ์มีอารมณ์ดี แต่ฉากที่คุยกันเฉยๆเนิบๆอ่ะจะดูพากษ์นิ่งไปหน่อย แต่ฉากแอคชั่นกับฉากบีบอารมณ์มันเยอะกว่าไง รวมๆทั้งเรื่องเลยถือว่าพากษ์ดีแล้ว ไม่ได้แย่เลย

ถึงบทจะmainstream แต่ด้วยความที่มันเป็นอนิเมที่ไม่ได้ติดเรทอะไร เด็กอายุแค่ไหนก็ดูได้ ก็เลยรู้สึกว่าโอเคแล้วเพราะรายละเอียดอื่นๆมันมีให้ดูมากกว่าการจะอยากดูว่าบทมันดีขนาดไหน

ชอบบบบพวกบทพูดคำด่ามากกกก ฟังแล้วมันเจ็บจี๊ดได้ใจ ไอ้อัปปรีย์!!!  ฉีกสังขารมันออกมา!!! ฯลฯ อีกมากมาย จำได้แต่ว่ามีหลายคำที่มันคือแบบ เออ! ด่าแล้วมันเจ็บไปถึงทรวงมันเป็นงี้เอง คือมันไม่ค่อยมีคำพวกนี้ในหนังไทยการ์ตูนไทยเท่าไหร่แล้ว ส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้จะชอบเป็นใช้คำหยาบไปเลยมากกว่าซึ่งมันรู้สึกเฉยๆ มันสื่ออารมณ์แบบละเอียดๆไม่ได้
เลยรู้สึกดีที่เด็กๆจะได้เห็นคำสวยๆพวกนี้อีก (เวลาเขียน ตัวอักษรมันสวยนะคำพวกนี้)

เรื่องdesignนี่ขัดใจยักษ์พี่น้องมาก แต่พรานทมิฬ!! พี่ทมิฬขาาาาา พี่เท่ พี่ดราม่า พี่ซึน♥♥♥
แอบเห็นเขี้ยวเล็กก็นึกว่าเป็นยักษ์อีกเผ่ารึเปล่า แต่ทีมงานว่าไม่ใช่ แต่แบบดีไซน์พี่ทมิฬนี่แบบโดนใจอ่ะ บวกกับนิสัยที่มีความร้าวรานภายในนี่ชอบมาก //ตอนจบนี่แอบชิปกับพระเอกนิดๆ55555555
สัตว์เลี้ยงพี่ก็เท่มากกกกกก แอบมีความใจสื่อถึงใจ พอพี่ทมิฬตกฟิ้วววว  อีกนก(?)รีบบินไปเก็บพี่ทันที //รู้สึกได้ถึงความรัก♥

 

พอน้องลิงวาตะออกมานี่รู้สึกได้เลย เฮ้ยยยย งานขายมาสคอตมันต้องมา!!เรื่องนี้มันไปต่อได้อีก!!
สีสันนางกับอาวุธนี่ชอบมากๆ แอบอยากเห็นเนื้อเรื่องตอนโตเลย
maxresdefault

เสี่ยวหลาน นางสวยยยยย ออกมาฉากแรกนี่นึกว่าจะเป็นสาวหวาน แต่……55555555
ชอบนาง♥ ชอบฉากเล่นดนตรี แอบรู้สึกถึงหนังจีนที่มันต้องมีฉากที่ตัวเอกเล่นดนตรีกับศัตรูหรือพันธมิตรแล้วบอกความนัยอะไรบางอย่างที่เค้ารู้กัน2คน

bc78bde4-dbe6-11e7-b8b7-000000007adc_09

 

มันไม่ใช่อนิเมภาพสวยด้วยนะ จุดสำคัญของอนิเมสำหรับเรา คือมันต้องดำเนินเรื่องสนุก น่าติดตาม
บทอาจจะไม่ดีมาก แต่ที่สำคัญมันต้องเอาคนดูที่เป็นเด็กอยู่ ในโรงที่เราไปดูก็มีเด็กด้วย อย่างที่รู้ๆว่าถ้ามีเด็กในโรงหนัง เราจะต้องได้ยินเสียงเด็กถามแม่ถามผู้ปกครองกันตลอดเรื่อง ว่าตรงนั้นมันยังไง ใครไล่ตามมา
บลาๆๆๆ หรือบางทีก็ร้องไห้ แต่เรื่องนี้ไม่มีเลยนะ ประหนึ่งว่าไม่มีเด็กอยู่ในโรง

แีกจุดที่ชอบมากๆ คือพวกฉากดราม่าหรือฉากบิ้วหลายๆฉาก คือมันยูนีคดี เราจะไม่เห็นฉากแบบนี้ในอนิเมชาติอื่นแน่นอน คือมันจะเห็นได้จากอนิเมไทยหรือแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เราเท่านั้นอ่ะ

มันเป็นจุดยืนที่ดีมากๆที่เรามี และเราก็นำมันมาใช้ในอนิเม ซึ่งเรื่องนี้เราว่าเป็นจุดแข็งมากๆ //ไม่อยากบอกว่าอะไรบ้างเดี๋ยวจะเป็นการspoil

ดูจบนี่ติดบ่วง #ทมิฬติดอ๊อด ไปเรียบร้อย♥ ส่วนใหญ่เค้าจะ #ยักษ์กินอ๊อด กัน แต่เราดันเป็นแพน้อย #อ๊อดกินยัักษ์ มองความเมะของเทหะไม่ออกอ่ะ5555555

เอาเป็นว่าไปดูกัน!! ไปดูอนิเมชั่นเรื่องแรกของเมืองไทย!

[mini-reviews] Magic in the Moonlight (2014)

Magic in the Moonlight (2014)
ตอนดูนี่นั่งลุ้นเลยนะว่าฉากไดอะล๊อกเจ๋งๆฉากไหนจะโดนใจบ้าง แล้วมันก็มีจนได้55555555555555555
-ลุงโคลินดีงามไปทุกสัดส่วนนนนน ทุกฉาก! ทุกช๊อต! //ยกเว้นอีฉากคนจีน ยอมรับว่าจำไม่ได้ค่ะ55555
-ชอบเอมม่าในเรื่องนี้มากสุดและ น่ารักๆๆๆ
-ชอบชุดอยู่บ้านของผู้หญิงทุกคนในเรื่องเลย

Magic in the Moonlight01

[mini-review]The diary of a teenage girl (2015)

The diary of a teenage girl

The diary of a teenage girl (2015)
หนังถ่อยได้ใจ แต่พอดูๆไป จากความถ่อยก็กลายเป็นความน่ารักได้อย่างประหลาด ตอนแรกขำหน้านางเอกมาก แบบว่าแคสมาดีอ่ะ55555 แต่ยิ่งดูไปก็รู้สึกว่าเค้ามีมุมน่ารักอย่างที่เจ้าตัวเค้าเชื่อจริงๆ ความอ้วนๆอวบๆไม่สามารถบดบังความเซ็กซี่ของเธอได้เลย
ชอบที่หนังให้เราดูวัยเด็กของนางเอกที่เรียกได้ว่าเหี้ย รึเหี้ยนิดๆ แต่สุดท้ายเค้าก็สามารถโตขึ้นเป็นวัยรุ่นที่กำลังเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะได้

ช่วยย้ำความรู้สึกเดิมของเราได้ว่า เด็กที่มีวัยเด็กที่ไม่ได้สวยงาม ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะต้องโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีคุณภาพซะหน่อย ถ้าเค้ายังมีคนที่รักและโอบอุ้มเค้าอยู่จริงๆ เค้าจะยังสามารถเติบโตและเป็นคนมีวุฒิภาวะ เป็นที่รัก และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆได้จริงๆ
-น้องจากน้องนางเอกแล้วก็ประทับใจคุณแม่ คุณแม่เล่นสมบทบาท บทมาเรื่อยๆ แต่ตอนพีค คุณแม่ก็พีคซะกลบทุกคน
-เพลงเพราะอ่ะ น่าหาซื้อ ost.
-ตอนแรกนึกว่า ผกก.เดียวกะจูโน่ ปรากฏว่าไม่ใช่แฮะ //เพล้ง….เก็บเศษหน้า

The diary of a teenage girl02

 

[mini-review] Get out 2017

ชอบจุดเล็กๆในหนังหลายจุดเลย อย่างที่ให้คนดำมาพูดหรือทำท่าทางอย่างคนขาวจ๋าๆ หรือพวกมุกแซวTSA ชอบที่เค้าเน้นใช้การแสดงของนักแสดงมาเล่าเรื่องมากกว่าที่จะไปเน้นพวกเอ๊ฟเฟคต่างๆ คือแค่มีบท+พล๊อตที่ดีและนักแสดงมากฝีมือก็เอาเราอยู่ทั้งเรื่องแล้ว ซึ่งชอบนะเพราะมันเป็นเหมือนหัวใจสำคัญของหนังแล้วเค้าก็ทำมันออกมาได้ดี
ดูจบแล้วก็นึกถึงsawภาคแรกที่ใช้ทุนต่ำมาก เพราะแค่พล๊อตกับแอคติ้งของนักแสดงก็สนุกพอแล้ว
-จำน้องBanshee จาก X men ไม่ได้เคอะ แต่น้องเติบโตมาแซ่บใช้ได้เลยค่ะ หน้าจิตดี
-ชอบสายตาคนแม่มาก ตานิ่งจนกลัวเลย
-สาวใช้ในบ้านทำเอาเรากลัวเลยอ่ะ ตอนดูนี่รู้สึกว่า ปล่อยกรูวววกลับบ้านเถอะค่ะ T{}T

 

[mini-review] The girl on the train

screen-shot-2016-10-03-at-1-02-03-pm

พล๊อตเดาไม่ยาก แต่ชอบรายละเอียดของบท เรื่องจุกจิกเล็กๆน้อยๆที่เอามาเชื่อมเข้าด้วยกัน ต้องชม ผกก. ว่าเอามาดัดแปลงได้ดีทีเดียว สนุกๆๆๆ // จริงๆนั่งดูสาวๆ3คนนี้ก็คุ้มแล้ว =///////=

เรื่องนี้ถ่ายสวยด้วย ชอบงานแสง